นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้า คู่ค้า และ ผู้มาติดต่อ Privacy Notice for Customers, Partners and External Visitors
บริษัท สทรอง โซลูชั่นส์ จำกัด (“บริษัท”) ได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้าและผู้มาติดต่อภายนอก เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทจึงได้ออกประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้า คู่ค้าและผู้มาติดต่อภายนอก (Privacy Notice) ฉบับนี้ โดยจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงรายละเอียดและวิธีการจัดการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากท่าน วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย และส่งต่อ ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
1. คำนิยาม
"บริษัท" หมายถึง บริษัท สทรอง โซลุชั่นส์ จำกัด
"ท่าน" หมายถึง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท สทรอง โซลูชั่นส์ จำกัด ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ ลูกค้า คู่ค้า ตัวแทน ผู้รับเหมา ผู้ติดต่อภายนอกและบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ กิจกรรมและการ
ดำเนินงานต่าง ๆ ของบริษัท
"ข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
"ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว" หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมืองความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึงกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
"ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวมใช้หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
"ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
"กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต
2. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ ได้ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยบริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วน บุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทโดยตรง เมื่อท่านแสดงเจตนาเข้าทำสัญญาหรือใช้บริการกับบริษัท หรือเมื่อท่านส่งเอกสารที่ มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมายังบริษัท หรือเมื่อท่านติดต่อ สอบถามข้อมูล หรือกรณีที่ท่านแลกบัตรเพื่อขอเข้าพื้นที่อาคาร
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ: บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติ เช่น ข้อมูลบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV)
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย
3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวมรวบภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในประเภทดังต่อไปนี้
3.1.1 ลูกค้า คู่สัญญา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่เป็นคู่สัญญาหรือมีความเกี่ยวข้องตามสัญญาใด ๆ กับบริษัท ซึ่งหมายความรวมถึง ลูกค้า คู่ค้า ผู้ขาย ผู้จัดหา ผู้ให้บริการ ผู้รับทำงาน ผู้รับเหมา ที่ปรึกษา และบุคคลอื่น ๆ ในลักษณะคล้ายคลึงกัน
3.1.2 ผู้ติดต่อภายนอก และบุคคลภายนอกอื่น ได้แก่ ผู้ติดต่อ ผู้ขอเข้าพื้นที่ ผู้ขนส่ง และบุคคลอื่นใดซึ่งติดต่อเพื่อขอข้อมูลหรือขอสอบถามบริการจากบริษัท ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการได้ มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลโดยทางตรงหรือทางอ้อม
3.1.3 บุคคลอื่น ได้แก่ พยานในสัญญา ผู้รับมอบอำนาจ
3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและอยู่ภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ฉบับนี้ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท โดยตรง หรือข้อมูล ส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก เช่น
3.2.1 ข้อมูลลูกค้า คู่สัญญา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
3.2.1.1 ข้อมูล ลูกค้า อาทิ ชื่อ นามสกุล อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขหนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ และข้อมูลเกี่ยวกับภาษีอากรต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการเข้าทำสัญญา เช่นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง หนังสือมอบอำนาจ สำเนา หนังสือรับรองบริษัท ผลการตรวจเชื้อโควิด ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด เป็นต้น
3.2.1.2 ข้อมูลคู่ค้า อาทิ ชื่อ นามสกุล อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขหนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ และข้อมูลเกี่ยวกับภาษีอากรต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการเข้าทำสัญญา เช่นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง หนังสือมอบอำนาจ สำเนา หนังสือรับรองบริษัท ผลการตรวจเชื้อโควิด ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด เป็นต้น
3.2.1.3 ข้อมูลผู้รับเหมา อาทิ ชื่อ นามสกุล อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขหนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ และข้อมูลเกี่ยวกับภาษีอากร ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการเข้าทำสัญญา เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง หนังสือมอบอำนาจสำเนา หนังสือรับรองบริษัท ผลการตรวจเชื้อโควิด ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด เป็นต้น
3.2.1.4 ข้อมูลการบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television : CCTV) ภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับท่านเช่น ยานพาหนะ เมื่อท่านเข้า
ไปในพื้นที่ภายในสถานที่ อาคาร หรือพื้นที่ใดๆ ของบริษัท ผ่านระบบและอุปกรณ์กล้องวงจรปิด โดยจะติดตั้งอุปกรณ์กล้องวงจรปิด ภายในจุดสำคัญของอาคาร พื้นที่ต่างๆ อาทิ เช่น ประตูทางเข้า โถงทางเดิน หน้าลิฟท์ เป็นต้น
3.2.2 ข้อมูลผู้ติดต่อภายนอก และบุคคลภายนอกอื่น
3.2.2.1 ข้อมูลผู้มาติดต่อภายนอก อาทิ ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน บันทึกภาพถ่ายผู้ติดต่อ บัตรประชาชน ผลการตรวจเชื้อโควิด ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด
3.2.2.2 ข้อมูลการบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) ภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับท่านเช่น ยานพาหนะ เมื่อท่านเข้า
ไปในพื้นที่ภายในสถานที่ อาคาร หรือพื้นที่ใดๆ ของบริษัท ผ่านระบบและอุปกรณ์กล้องวงจรปิด โดยจะติดตั้งอุปกรณ์กล้องวงจรปิด ภายในจุดสำคัญของอาคาร พื้นที่ต่างๆ อาทิ เช่นประตูทางเข้า โถงทางเดิน หน้าลิฟท์ เป็นต้น
3.2.3 ข้อมูลของบุคคลอื่น บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของพยานในสัญญา ผู้รับมอบอำนาจ หรือเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ในบางกรณี ทั้งนี้ในกรณีที่ท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคล ของบุคคลอื่นแก่บริษัทท่านรับรองว่าได้รับความยินยอมและได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแล้ว ในการเก็บ ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้
3.2.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) เอกสารในการแสดงตัวตนอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น สัญชาติ ศาสนา หมู่เลือด ทั้งนี้บริษัทไม่มี วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว โปรดขีดฆ่าหรือปิดทึบข้อมูลก่อนส่งมอบเอกสารแก่บริษัท หากท่านมิได้ดำเนินการตามที่แจ้ง บริษัทอาจดำเนินการขีดฆ่าหรือปิดทึบข้อมูล ดังกล่าว หากในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมและขอความยินยอมจากท่านก่อน การเก็บรวบรวม เว้นแต่จะมีกฎหมายยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเอาไว้ เช่น การคุ้มครองแรงงาน ประกันสังคม ป้องกันระงับอันตรายต่อชีวิตประโยชน์สาธารณะด้าน
การสาธารณสุข การปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อยกเว้นอื่นๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
4.1. บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
4.1.1. เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ (Contract) เช่น เพื่อเป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัทหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น หรือ เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี อาทิ การเข้าทำสัญญาเช่าพื้นที่ การชำระค่าบริการ การทำสัญญาจ้างผลิตสินค้า หรือปฏิบัติตามสัญญาใด ๆ ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท
4.1.2. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) เช่น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจ
ตามกฎหมาย อาทิกฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายภาษีอากร ประมวลรัษฎากร (การออกใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงินใบแจ้งหนี้) คำสั่งศาล พนักงานอัยการ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่ เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท
4.1.3. เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล
(Legitimate Interest) เช่น การเก็บข้อมูลผู้ติดต่อภายนอกผ่านการบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) การแลกบัตรก่อนเข้าพื้นที่ของบริษัทบันทึกผู้มาติดต่อ (Visitor Records) เพื่อ ควบคุมการเข้ามาภายในอาคารและรักษาความปลอดภัยของบริษัท บุคลากร บุคคลอื่น รวมทั้งทรัพย์สินและข้อมูลของบริษัท หรือกรณีการเก็บข้อมูลลูกค้าหรือคู่สัญญาเป็นการ ประมวลผลเพื่อจัดทำหรือบริหารจัดการสัญญา การตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตนของคู่ สัญญา การรับข้อร้องเรียน การแจ้งขอซ่อมแซม รวมถึงเพื่อเป็นข้อมูลในการติดต่อ สื่อสารกับท่าน
4.1.4. เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท (Public Task) หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท
4.1.5. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
4.2. ความยินยอม (Consent) เมื่อบริษัทไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน โดย บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มี ความอ่อนไหว บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
4.3. ในกรณีที่บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะจัดให้มีประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) เพิ่มเติม เพื่ออธิบายการใช้ข้อมูลใน วัตถุประสงค์ดังกล่าวและแจ้งให้ท่านทราบก่อน
5. การประมวลผลข้อมูลโดยบุคคลภายนอก
บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลภายนอกประมวลผล บริษัทจะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น การแยกส่วนข้อมูลก่อนส่งข้อมูลส่วนบุคคล การมีข้อตกลงรักษาความลับกับผู้รับข้อมูลดังกล่าว หรือ บริษัทอาจเลือกใช้วิธีการดำเนินการให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และจะดำเนินการให้การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลภายนอกประมวลผลเป็นไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแทนการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ได้
6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่หน่วยงานและบุคคลดังต่อไปนี้
6.1.1. หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย อาทิ กรมสรรพากร กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ธนาคาร
6.1.2. หน่วยงานที่ขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย อาทิ การร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการ ทางกฎหมาย เช่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
6.1.3. พันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายให้ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ให้บริการ หรือบริหารจัดการเกี่ยวกับ
ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ บริษัทประกันภัย หรือดูแลรักษามาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยของระบบงานและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจสอบทางบัญชี ตรวจสอบภายใน
ที่ปรึกษา เป็นต้น
6.1.4. หน่วยงานภายในบริษัท เพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของท่าน บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ฝ่ายบัญชีและการเงิน ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด และ ฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในกรณีที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผย
และเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดในกรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
ของท่านไปต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าบริษัทได้ส่งหรือโอนไปยังประเทศปลายทาง องค์กรระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศที่มีมาตรฐานใน
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ในบางกรณีบริษัทอาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ
ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
7. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ หรือ ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี ทั้งนี้ บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของบุคคลได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
8. ความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้มีการจัดทำและ/หรือเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงาน ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผย ทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิของบุคคลที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ควรทราบ โดย บุคคลสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีบุคคลยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย บุคคลสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์
9.1. สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ
หากบุคคลต้องการให้ความยินยอมแก่บริษัทฯในการ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบุคคลมีสิทธิที่จะทราบรายละเอียดถึงวัตถุประสงค์ในการ เก็บรวบรวม ใช้ และ/ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การขอข้อมูลเป็นกรณีที่เจ้าของข้อมูลอาจให้ข้อมูลหรือไม่ให้ข้อมูลก็ได้ หรือเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับต้องให้ข้อมูล
9.2. สิทธิขอถอนความยินยอม
หากบุคคลได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่บุคคลให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับ หรือหลังจากนั้น) บุคคลมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ บุคคลอยู่ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของบุคคลอาจส่งผลกระทบต่อบุคคลนั้นจากการดำเนินการตามสัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคล จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบ
ก่อนเพิกถอนความยินยอม
9.3. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล
บุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้นที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่บุคคล รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมาได้อย่างไร
9.4. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล
บุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และ สามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่ สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อสามารถดำเนินการตามสัญญาได้ตามความประสงค์ หรือ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจ ตามกฎหมายกำหนด
9.5. สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคค
บุคคลมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่ จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบในการดำเนินงานของบริษัท หรือตามที่กฎหมายกำหนด โดยไม่เกินขอบเขตที่บุคคลสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตาม ภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากบุคคลยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตาม กฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย
ตามแต่ละกรณี
9.6. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล
บุคคลมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากบุคคลเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อบุคคลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอม หรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
9.7. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล
บุคคลมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของบุคคล หรือกรณีอื่นใดที่ บริษัทไม่มีความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
9.8. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล
บุคคลมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
9.9. สิทธิร้องเรียน
บุคคลมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากบุคคลเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
9.10. ข้อจำกัดการใช้สิทธิ
การใช้สิทธิของบุคคลดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธ คำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผล ของการปฏิเสธให้บุคคลทราบด้วยทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามการขอใช้สิทธิต่าง ๆ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่บุคคลได้ยื่นคำขอและเอกสารประกอบต่อกรรมการ
ผู้จัดการของบริษัทฯ โดยครบถ้วน
10. ช่องทางการติดต่อ
หากเจ้าของขอ้มูลส่วนบุคคลมีความประสงค์จะติดต่อบริษัทฯ เพื่อใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล หรือ หากมีข้อ สงสัยประการใดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ โปรดติดต่อเจ้หน้าที่คุม้ครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ได้ที่
บริษัท สทรอง โซลูชั่นส์ จำกัด (สำนักงานใหญ่)
เลขที่ 521,523 ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000
Email : info.sts@strong-st.co.th เบอร์โทรศัพท์ :02-1112131 , Fax 02-1164200
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป


